วันที่เผยแพร่: 20 พฤษภาคม 2560
"ในปัจจุบันวิถีชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ยังคงผูกติดอยู่กับความเชื่อเรื่อง "ฤกษ์งามยามดี" มาแต่ครั้งโบราณกาล ไม่ว่าจะเป็นงานมงคล เช่น งานบวช งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ และงานอวมงคลอย่างงานศพ หรือแม้กระทั่งการเดินทางออกจากบ้านไปทำธุระสำคัญที่ไหน หลายคนมักจะพยายามเลือกใช้กำหนดการตามช่วงเวลาที่ดีที่สุดต่อชะตาชีวิตของคนคนนั้น เพื่อให้เป็นนิมิตหมายอันดีเยี่ยมในการเริ่มต้นทำสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาง่ายดาย ราบรื่น และสะดวก . "
ในปัจจุบันวิถีชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ยังคงผูกติดอยู่กับความเชื่อเรื่อง "ฤกษ์งามยามดี" มาแต่ครั้งโบราณกาล ไม่ว่าจะเป็นงานมงคล เช่น งานบวช งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ และงานอวมงคลอย่างงานศพ หรือแม้กระทั่งการเดินทางออกจากบ้านไปทำธุระสำคัญที่ไหน หลายคนมักจะพยายามเลือกใช้กำหนดการตามช่วงเวลาที่ดีที่สุดต่อชะตาชีวิตของคนคนนั้น เพื่อให้เป็นนิมิตหมายอันดีเยี่ยมในการเริ่มต้นทำสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาง่ายดาย ราบรื่น และสะดวก
เพียงแต่การมองหาฤกษ์ยามของคนส่วนใหญ่ มักจะเป็นการนำไปใช้ในกิจกรรมหรือเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในระหว่างทางของการดำเนินชีวิต ซึ่งส่งผลเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงชีวิตของคนหนึ่งคน ดังนั้นคงจะเป็นการดีกว่า หากนำความเชื่อเรื่องฤกษ์งามยามดีเข้ามาใช้ปูทาง และเตรียมการไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในอนาคตกันตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นก้าวแรกของชีวิต ด้วยวิธีการ "ดูฤกษ์ผ่าคลอด" ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมผ่าออกมากกว่าคลอดตามธรรมชาติ
โดยปกติเวลาที่เหมาะสำหรับในการให้ฤกษ์ผ่าคลอดนั้นจะสามารถให้ฤกษ์ผ่าคลอดได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 38 เป็นต้นไปค่ะ อันนี้ก็ต้องอยู่กับดุลพินิจของคุณหมอด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของครรภ์ของคุณแม่แต่ละคนค่ะ การวางฤกษ์ผ่าคลอดนั้นจำเป็นที่จะต้องพิจารณาดวงของคุณพ่อและแม่ประกอบค่ะ และเป็นที่รู้กันอยู่ว่า ดวงชาตากำเนิดก็คือแผนที่บ่งบอกแสดงกรรมของบุคคล และทารกถือกำเนิดในครรภ์มารดาก็ด้วยมีพันธะกรรมต่อกันไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง อีกทั้งทารกนั้นก็ย่อมมีกรรมเป็นของๆตน จะชั่วดีก็ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทารกนั้นได้เคยกระทำเอาไว้แล้วในอดีต การคลอดของทารกในเวลาใดๆก็ตามก็เป็นการแสดงถึงดวงชาตากำเนิดซึ่งบ่งชี้กรรมของทารกนั้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการผ่าคลอด หรือคลอดเอง ไม่ว่าจะดูฤกษ์หรือไม่ เวลาที่คลอดนั้นเอง ก็คือ ดวงชาตากำเนิด ที่จะกำหนดชาตาชีวิตของทารกนั้นไปตลอดชีวิต
"หลักสำคัญในการหาฤกษ์ผ่าคลอดของ อ.ชัญ จำเป็นที่จะต้องเอาดวงของคุณแม่และคุณพ่อมาประกอบในการพิจารณาค่ะ เพื่อที่ว่าเด็กที่คลอดออกมานั้นจะเลี้ยงง่าย พ่อแม่และเด็กต้องมีดวงอุปถัมภ์ซึ่งกันและกันค่ะ ไม่ใช่วางฤกษ์ผ่าโดยไม่ได้ดูดวงพ่อและแม่เลยทำให้ เด็กอาจจะเสียชีวิต หรือมีเกณฑ์ที่จะพลัดพรากจากพ่อแม่ไปก่อนวัยอันควรได้ค่ะ หรืออาจจะทำให้เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่เลี้ยงยาก และดวงชาตาเด็กที่คลอดออกมานั้นต้อง มีดวงชาตาที่ดี มีชีวิตที่เจริญรุ่งเรื่อง เป็นคนดีมีคุณธรรม ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรงและเก่งค่ะ จากประสบการณ์ในการให้ฤกษ์นั้นเด็กที่สามารถ คลอดออกมาได้ตามฤกษ์ที่ อ.ชัญ ให้ฤกษ์ในการผ่าไปนั้นล้วนมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองตามฤกษ์ผ่าที่ อ.ให้ไปเลยละค่ะ
โดยหลักการการให้ฤกษ์ของ อ.ชัญนั้นมีดังนี้ค่ะ
1.วันที่ให้ฤกษ์ผ่านั้นจะต้องไม่เป็นวันกาลกิณีกำเนิดและจรของแม่ค่ะ
2. ลัคนาของลูกนั้นจะต้องไม่วางเป็นอริ มรณะ วินาศแก่ดวงชะตาของพ่อและแม่ค่ะ
3. วันที่ให้ฤกษ์นั้นต้องเป็นวันที่มีดิถีของพระจันทร์เดินดีค่ะ ไม่เป็นดิถีพิฆาต ดิถีมหาสูญ
4. วันที่ให้ฤกษ์นั้นต้องไม่ตรงกับวันอุบาทว์ กับโลกาวินาศประจำปี
5. วันที่ให้ฤกษ์ต้องผ่านเกณฑ์จักขุมายา และกนกนารี (ผ่านตามเกณฑ์การให้ฤกษ์)
6. วางลัคนาดวงฤกษ์ให้ได้นวางค์ปุชั้นเอก เพื่อให้ปกป้องรอยร้าวของดวงฤกษ์
ซึ่งเกณฑ์การให้ฤกษ์ดังกล่าวเป็นเกณฑ์ที่ให้ฤกษ์ในเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีรายละเอียดในการวางฤกษ์อื่นๆอีกค่ะ ซึ่งการวางฤกษ์ของอ.ชัญ นั้นจะเป็นการให้ฤกษ์เฉพาะบุคคลค่ะ ไม่ใช่เป็นการให้ฤกษ์เพียงแค่ดูว่าเป็นวันดีโดยทั่วๆไป เพราะฤกษ์ผ่าคลอดเปรียบเสมือนดวงชาตาที่จะติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต และเป็นฤกษ์ที่ใช้กับคน ไม่เหมือนฤกษ์ออกรถ ขึ้นบ้านใหม่ ถ้าวางฤกษ์ผ่าคลอดที่ดีและเด็กมีโอกาสที่จะเกิดในฤกษ์ที่วางให้ ก็จะมีชาตาชีวิตที่ดีตามดวงได้ นอกจากนั้นยังจะต้องคำนึงถึงดวงชาตาคุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูกที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันค่ะ เพื่อให้ลูกของคุณเกิดมาโดยมีจุดด้อยในดวงชาตาน้อยที่สุดค่ะ
บทความโดย
อ.ชัญ theluckyname “เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนชีวิต”
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการ “ตั้งชื่อลูก –ให้ฤกษ์มงคล”